KitchenAid รุ่นไหนที่เหมาะกับคุณ

18171 จำนวนผู้เข้าชม  | 

KitchenAid รุ่นไหนที่เหมาะกับคุณ

ทำความรู้จักกับ KitchenAid รุ่นยอดนิยมทั้ง 4 รุ่น พร้อมเคล็ดลับในการเลือกเครื่องแปลงไฟ


1. Artisan

รุ่นนี้น่ารัก สวยงาม แต่ไม่บอบบาง มีให้เลือกหลายสี ถ้าอยากจะเอามาป็น Prop ประกอบเพื่อทำให้ครัวโดดเด่นก็เป็นความคิดที่ดีเลยค่ะ และยังเหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบการทำเบเกอรี่เป็นงานอดิเรก และค้าขายขนาดเล็ก ใช้งานได้ทุกวันในครัวเรือนแต่ไม่หนักมาก

2. Professional 5 plus และ Heavy duty

รุ่นนี้ทั้งทนทานและแข็งแกร่ง ทำได้หมดทั้งเค้ก/พายและขนมปัง เหมาะทั้งทำขนมแบบ Homemade ทานเอง หรือถ้าฝีมือพัฒนาไปไกล อยากสร้างรายได้หลักอย่างเป็นกอบเป็นกำ pro5plus รุ่นนี้ก็ตอบสนองความต้องการได้เป็นอย่างดีค่ะ เพราะถูกดีไซน์เพื่อการใช้งานแบบ commercial มีระบบตัดไฟอัตโนมัติในกรณีที่มอเตอร์ทำงานหนักเกินไป เพื่อปกป้องมอเตอร์ และยังสามารถนำโถรุ่น 6quart มาใส่ได้

3. Professional 600 

Make for Cooks who think Big and Dream Bigger

KitchenAid รุ่นนี้เป็นผู้ช่วยคนสำคัญในครัวและเป็นคู่หูเพื่อการค้าขาย สำหรับคนที่มุ่งมั่นทุ่มเท มีเป้าหมายชัดเจนกับการเป็น Baker มืออาชีพ Pro600 รับมือกับงานที่หนักหน่วงได้ทุกวัน ช่วยคุณให้ประหยัดเวลา ทำงานได้อย่างรวดเร็วทันใจเลยค่ะ และยังมีสีสันให้เลือกค่อนข้างหลากหลาย เป็นเครื่องประดับครัวและร้านได้ดีอีกด้วย ด้วยคุณสมบัติที่เพียบพร้อม ทำให้รุ่นนี้เป็นอีกรุ่นหนึ่งที่ค่อนข้างเป็นที่นิยมเช่นกันค่ะ

4. KitchenAid Pro Line® Series 7Quart และ NSF series 8Quart

สำหรับ Baker ที่เงินถึง มีความต้องการการใช้งานหนักและต่อเนื่อง ต้องรุ่นที่เป็น Commercial อย่าง 7Qaurt และ NSF series 8Quart เลยค่ะ

 

เมื่อเราตัดสินใจเลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ใช่ไฟเมืองไทย (ไฟเมืองไทยคือ 220V) สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราต้องใส่ใจและลงทุนซื้อนั้นคือเครื่องแปลงไฟ หรือ Voltage Converter มีหน้าที่แปลงแรงดันไฟให้เข้ากับไฟในประเทศที่เรานำเครื่องใช้ไฟฟ้า 110V มาใช้ เช่น Voltage ของ USA คือ 110V / Voltage ของประเทศไทย คือ 220V เมื่อใช้เครื่อง KitchenAid ที่นำเข้ามาจากอเมริกาก็ต้องใช้เครื่องแปลงไฟในการเป็นตัวกลางเปลี่ยนไฟจากเครื่อง 110V ให้เป็น 220V ก่อนที่จะเสียบเข้ากับเต้าเสียบในบ้านเรา

  • วิธีใช้ไม่ยุ่งยาก และต้องระวังและไม่ลืม คือ นำปลั๊กของตัวเครื่องKitchemAid เสียบเข้ากับเครื่องแปลงไฟ จากนั้นนำปลั๊กของเครื่องแปลงไฟเสียบเข้ากับเต้าเสียบของที่บ้านได้เลย แล้วเปิดสวิตซ์ของเครื่องแปลงไฟ เครื่องใช้ไฟฟ้าก็พร้อมใช้งานแล้วค่ะ 
  • หากเสียบปลั๊กผิด หรือได้ไม่ใช้เครื่องแปลงไฟ ก็จะทำให้แผงวงจรของเครื่องพังได้ แต่ไม่ต้องตกใจนะคะ ยังสามารถซ่อมได้ ด้วยการเปลี่ยนแผงวงจร โดยควรส่งไปให้ช่างที่ชำนาญ เป็นผู้เปลี่ยนให้ค่ะ

     ขนาดของกำลังวัตต์ของเครื่องแปลงไฟที่เหมาะสมก็จะขึ้นอยู่กับกำลังวัตต์ของเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เรานำมาใช้ บรรดาผู้ที่มีความรู้ ช่างไฟและวิศวกรไฟฟ้า แนะนำว่าควรใช้เครื่องแปลงไฟที่มีกำลังวัตต์มากกว่าเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยดูค่าความต่างของเครื่องแปลงไฟและเครื่องใช้ไฟฟ้าประกอบกัน แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับคุณภาพของเครื่องแปลงไฟด้วย บางผู้ผลิตระบุที่เครื่องแปลงไฟ 500 วัตต์ แต่รองรับได้จริง 400 วัตต์ เอาให้ชัวร์ซื้อกำลังวัตต์ให้แต่ไม่มากจนเกินไปจะปลอดภัยกว่า ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันการกระชากของไฟ

     การเลือกเครื่องแปลงไฟไม่จำเป็นว่ามีกำลังวัตต์มากๆ แล้วจะดีเสมอไป เราต้องดูประกอบกับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เรามีอยู่เป็นสำคัญ เช่น รุ่น Professional 600 กำลังมอเตอร์อยู่ที่ 575 วัตต์ เลือกใช้เครื่องแปลงไฟที่กำลัง 800 วัตต์ ถือว่าเหมาะสมแล้ว เพราะค่าความต่างอยู่ที่โดยประมาณ 200  (ข้อมูลดังกล่าวได้รับคำตอบจากวิศวกรไฟฟ้าโดยตรง แต่หากผู้ใช้ท่านใดต้องการกำลังวัตต์ที่มากว่าก็ไม่เป็นไรค่ะ)

     ข้อมูลทั้งหมดเป็นการเขียนจากประสบการณ์ในการใช้งานและขายสินค้าของผู้เขียนเองประกอบกับการศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้เชียวชาญ ทางLemmeMoreจัดทำขึ้นเพื่อให้เป็นประโยชน์ในการประกอบการตัดสินใจและง่ายต่อการเลือกสินค้าไปใช้


(หากมีข้อผิดพลาดหรือข้อมูลใดที่ขาดตกบกพร่องไป ขออภัยไว้ ณ ที่นี่ด้วยค่ะ)

     

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้